จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาว อดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และ พบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 165 ครั้ง
ความคืบหน้าวันที่ 30 กรกฎาคม ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ ดวงกัลยา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากควบคุมตัวนางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 60 ปี พร้อมด้วย น.ส.ขนิษฐา พนักงานราชการ บุตรสาว ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันจากเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม เพื่ออำนาจฝากขัง โดยศาลฯไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งฝากขังนางสายพิณผัดแรก ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา ฝากขังผัดที่ 4ที่เรือนกลาง จ.สมุทรสงคราม
ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ กล่าวว่า คดีนี้จะไม่มีการออกหมายจับผู้ใดเพิ่ม และแนวทางการสอบสวนมีเพียงนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชี ชำนาญการ เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดเพียงรายเดียว ที่เรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คาดว่าหากไม่มีปัญหา จะสรุปสำนวนส่งอัยการศาลคดีทุจริตภาค 7 ได้ช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ โดยรอผลการตรวจสอบลายมือขื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดทุกรายที่ปรากฎในเอกสารการเงิน และหากได้รับผลการตรวจสอบล่าช้า พนักงานสอบสวนจะต้องสรุปสำนวนส่งอัยการฯก่อนครบฝากขัง น.ส.ขนิษฐาผัดที่ 7
“ ขณะนี้ได้อายัดบัญชีเงินฝากของมารดาผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้องรวม 9 ราย หลังตรวจสอบพบพิรุธจากการโอนเงินที่ได้จากการทุจริต ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงานจังหวัดทุกราย ที่มีการลงลายมือในเอกสารการเงินหรืออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่ยังไม่มีการอายัดบัญชีเงินฝากของข้าราชการรายใด” ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ กล่าว
นายสมชาย บำรุงทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขต 5 กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบข้อสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่ามีการตั้งกรรมการสอบสวนทั้งในระดับจังหวัดและเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย แต่จากกรณีดังกล่าวยอมรับว่า ทำให้ผู้บริหารสำนักงานจังหวัดทั่วประเทศ มีความเข้มงวด เพื่อปฎิบัติตามระเบียบในการใช้ระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ เพื่อไม่ให้มีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นในระบบ
มีรายงานว่า สำหรับผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด มีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธานสอบสวน ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันจะสรุปได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2563 หลังจากมีตัวแทนภาคประชาชนยื่นหนังสือผ่านหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่สำนักงานจังหวัด ศาลากลางจังหวัดชั้น 2 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 เพื่อขอทราบผลการสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการทุกชุด แต่ต่อมาศูนย์ดำรงธรรมตอบกลับโดยระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว จากการแถลงข่าวแล้วเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าลูกจ้างจะกระทำความผิดยักยอกเงินจำนวนมากเพียงรายเดียวอ่างว่านำไปเล่นพนันออนไลน์
ล่าสุดตัวแทนสื่อมวลชน ได้ร่วมกันยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรรมการทุกชุดหรือมีการแถลงข่าวอีกครั้ง รวมทั้งขอทราบไทม์ไลน์การสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุแต่งตั้ง น.ส.ขนิษฐา เข้าทำหน้าที่พนักงานราชการเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ว่ามีการเปิดสอบบรรจุโดยแจ้งให้บุคคลทั่วไปเข้าสอบแข่งขันหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานประชาสัมพันธ์อ้างว่าไม่พบเอกสารจากสำนักงานจังหวัดเพื่อนำไปปิดประกาศการรับสมัคร และเจ้าหน้าที่ไม่พบการลงรับเอกสารทางราชการในระบบสารบรรณ ขณะที่บิดาของผู้ต้องหามีความใกล้ชิดกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รายหนึ่ง
July 30, 2020 at 03:02PM
https://ift.tt/338U684
อุบเงียบ! ผลสอบสวนคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดโกง 40 ล้าน เร่งสรุปสำนวนส่งอัยการคดีทุจริต ภาค 7 - สยามรัฐ
https://ift.tt/2MvaNkz
Bagikan Berita Ini
0 Response to "อุบเงียบ! ผลสอบสวนคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดโกง 40 ล้าน เร่งสรุปสำนวนส่งอัยการคดีทุจริต ภาค 7 - สยามรัฐ"
Post a Comment